จากขอขมา สู่วาเลนไทน์ไทย : วันลอยกระทงกับสำนึกรักธรรมชาติที่(ใกล้)หายไป
.
“ลอยกระทง ลอยกะเธอ” “ลอยกระทงปีนี้ยังหาคู่ไม่ได้เลย” คำพูดติดหูที่วัยรุ่นวัยรักมักโพสต์ลงสื่อโซเชียลต่าง ๆ สื่อว่า ‘วันลอยกระทง’ ได้มีสถานะคล้าย ‘วันวาเลนไทน์’ ไปแล้ว เป็นวันที่คู่รักจะจูงมือพากันไปลอยกระทงขอพรตามสิ่งที่ใจปรารถนากัน ทั้งเรื่องความรัก การงาน การเรียน การเงิน หรือสุขภาพ แสงเทียนบนกระทงที่ประดับประดาด้วยดอกไม้นานาชนิด สีสันสดใสบนผืนน้ำใต้แสงจันทร์เพ็ญอาจทำให้เกิดความรู้สึกโรแมนติกจนหลงลืมไปว่า การลอยกระทงนั้นเดิมทีแล้วไม่มีความเกี่ยวข้องกับความรักเลย
แม้ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าการลอยกระทงเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อใด แต่เรารู้ได้ว่าการลอยกระทงเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว ในสมัยนั้นเรียกว่า ‘พิธีจองเปรียง’ หรือ ‘การลอยพระประทีป’ ซึ่งเป็นการเผาเทียนเล่นไฟ ก่อนที่นางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่วงจะคิดค้นกระทงดอกบัวขึ้น เมื่อพระร่วงทอดพระเนตรเห็นจึงพอพระราชหฤทัย และโปรดให้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง การลอยกระทงจึงจัดขึ้นทุกปีนับแต่นั้นมา
จุดประสงค์ในการลอยกระทงสำหรับคนไทยในสมัยก่อนแบ่งออกคร่าว ๆ ได้สามข้อด้วยกัน ได้แก่ 1. เป็นการบูชาพระพุทธเจ้ารูปแบบหนึ่ง 2. เป็นการละทิ้งความทุกข์โศกและตัวตนเก่าของตัวเองออกไปตามกระแสน้ำ ตั้งนิมิตหมายใหม่สำหรับอนาคต 3. เป็นการขอขมาต่อน้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำลำคลองซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่าของคนไทย คนสมัยก่อนมองว่า การใช้น้ำมาชะล้างสิ่งสกปรก ทำความสะอาดบ้านเรือน ถือเป็นหนี้บุญคุณต่อธรรมชาติ การลอยกระทงจึงเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าคนไทยในสมัยก่อนเคารพและตระหนักในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อกาลเวลาผ่านไป วัฒนธรรมก็ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามคนในยุคสมัยนั้น ๆ ด้วย สังคมไทยโอบรับระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และใส่ใจชีวิตของตัวเองมากขึ้น ทำให้คนไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์ในการลอยกระทงจากการบูชาพระพุทธเจ้า บูชาเทพแห่งสายน้ำ ไปเป็นการปลดปล่อยความทุกข์และขอสิ่งที่จะทำให้เราสุขใจแทน ซึ่งหนีไม่พ้นเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องสุขภาพ และความรัก การใฝ่หาความสุขสำหรับปัจเจกบุคคลไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แต่นับวันการบริหารบ้านเมืองอย่างไร้ประสิทธิภาพ ระบบที่เอื้อให้คนรวยยิ่งรวย คนจนยิ่งจน ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังในชีวิตตัวเองมากขึ้น จากเดิมที่การลอยกระทงเป็นการเน้นย้ำให้ผู้คนใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เคารพธรรมชาติ ในปัจจุบันจึงกลายเป็นการวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือตัวเองแทน
ปฏิเสธได้ยากว่า ความรักเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้คนมีความสุข ลมหนาวช่วงปลายปีพัดพาความรู้สึกปรารถนาคู่ครองเข้ามากระทบกับจิตใจ ไฟจากแสงเทียนส่องสว่างบนผืนน้ำยามค่ำคืนงดงามตระการตาเกินกว่าจะเก็บไว้ดูคนเดียว ไม่แปลกที่หนุ่มสาววัยแรกรุ่นจะต้องการใช้เวลานี้ร่วมกับคนรักของตน ทำกระทงด้วยกัน ลอยกระทงอันเดียวกัน ขอพรให้ได้อยู่ร่วมกันตราบนานเท่านาน นับเป็นความสวยงามในชีวิตอย่างหนึ่ง ทว่า พื้นที่แห่งความสุขนี้กำลังเบียดบังการตระหนักในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติจนกลายเป็นว่า การลอยกระทงมีสถานะคล้ายวันวาเลนไทน์ของไทย แทนที่จะเป็นการขอขมาธรรมชาติเสียแล้ว
การลอยกระทงเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่สร้างผลกระทบให้กับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ทั้งต้องตัดต้นไม้จำนวนมากเพื่อนำมาทำกระทง ลอยกระทงจำนวนนับไม่ถ้วนลงสู่แม่น้ำลำคลอง ตะปูที่ตอกให้ใบตองคงรูปสวยงามก็ทยอยหลุดออกเป็นอันตรายต่อธรรมชาติ ช่วงที่ผ่านมานี้จึงมีความพยายามทำให้การลอยกระทงเป็นมิตรกับธรรมชาติมากที่สุด ทั้งการลอยกระทงออนไลน์ การลอยกระทงในพื้นที่ปิด การใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ฯลฯ เพื่ออนุรักษ์จุดประสงค์ดั้งเดิมของการลอยกระทงอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ การสร้างความตระหนักรู้ในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งกำลังเลือนหายไปพร้อมกับยุคสมัย
เรื่อง : ดุสิต บริสุทธิ์
พิสูจน์อักษร : พรรวษา เจริญวงศ์ และกัญญาวีร์ ศิริมโนรม
ภาพ : ภัทรัฏฐ์ อัชชเสวิน
อ้างอิง
ณัฐณิชา สุระเวช, ประเพณีวันลอยกระทง [ออนไลน์], ม.ป.ป., แหล่งที่มา https://www.m-culture.go.th/nakhonsawan/ewt_dl_link.php...