แด่ผู้อ่อนไหว เปราะบาง และช่างฝัน

แด่ผู้อ่อนไหว เปราะบาง และช่างฝัน

.

*มีเนื้อหากล่าวถึงความคิดต้องการฆ่าตัวตาย*

.

จริงอยู่ว่าเราจะทุกข์กว่าใครเขา

.

การกระทำอันปราศจากการไตร่ตรอง จากฝีมือคนที่เรารัก จะกรีดเป็นร่องเหวลึก

เราจะนั่งรอ เฝ้ามองรอยแผลนั้น สงสัยว่าเมื่อใดจึงจะสมาน

สงสัยว่าทำไมเราจึงเจ็บปวดกับเรื่องนั้นเพียงนี้

ในขณะที่คนอื่นดูจะก้าวผ่านมันไปได้ ไม่แม้แต่จะแลเหลียวกลับไป

เหมือนเถาวัลย์ มันรัดรึงตรึงเราไว้

การกระทำนั้นจะฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกในห้วงสำนึก

จนกระทั่งจากเถาวัลย์นั้น กลีบบอบบางก็ผลิออก

สะพรั่งเป็นตราคอยเตือนรอยแผล ที่ไม่เลือนรางเสียที

.

ความทุกข์ของคนแปลกหน้าที่ชีวิตจริงไม่เคยแม้แต่จะยลยินน้ำเสียงจะบรรเลงให้เราหลั่งน้ำตา

เราจะได้ยินร้องเสียงท้องของคนไร้บ้านร่างสั่น

เราจะได้ยินลั่นเสียงระเบิดอันปลิดชีพผู้คนในเหตุการณ์รุนแรงไร้เหตุผล

เราจะได้ยินตะโกนเสียงโกรธแด่ความอยุติธรรมอันขัดขืนมิได้

เราจะได้ยินประกาศเสียงข่าวผ่านหน้าจอโทรทัศน์ โหยเสียงไห้ผ่านหน้าจอโทรศัพท์

ที่นั่นมีความรุนแรง ที่นี่มีการฆาตกรรม

ที่นั่นมีเลือด ที่นี่มีรอยช้ำ

ที่นั่นมีเหยื่อหวาดผวา ที่นี่มีผู้ร้ายลอยนวล

ที่นั่นมีความเกลียดชัง ที่นี่มีความแค้น

ที่นั่นมีการแบ่งแยก ที่นี่มีการเลือกปฏิบัติ

ที่นั่น ที่นี่ ทุกที่ล้วนมีแต่ความทราม

ความทรามนั้นสถิตสิงบนธรรมาสน์

พร่ำเทศน์ ว่าแห่งใดที่มีชีวิตมนุษย์ แห่งนั้นย่อมมีความทรามเป็นสัจธรรม จะเลี่ยงมิได้

มนุษย์ แท้จริงแล้ว มีเนื้อแท้อันสกปรก เป็นธรรมชาติที่ต้องเอาเปรียบ แก่งแย่ง เอาคืน

มนุษย์ แท้จริงแล้ว คือความทราม จะเป็นอื่นมิได้

.

เราจะร้องไห้ ขัดเคืองใจ เหตุใดโลกจึงเป็นเช่นนี้

เราจะวาดหวังโลกอีกใบ โลกซึ่งสวยงาม ยุติธรรม

โลกซึ่งดวงตาสามารถมองทะลุมังสาผ่านเข้าไปเห็นจิตใจมนุษย์อันละเอียดอ่อน

โลกซึ่งเราทุกคนเปลื้องปลดจากบาดแผลเหวอะหวะ บริสุทธิ์ยิ่งกว่าสายลม สายน้ำ และแสงแดด

โลกซึ่งจะไม่มีใครต้องหิว ต้องหวาดกลัว ต้องตาย หรือต้องเจ็บปวดแม้สักนิดเดียว

.

ทว่าโลกไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทว่ามนุษย์มีธรรมชาติเป็นความทราม

ประหนึ่งประติมากรผู้หลงรักผลงานของตน เราจะคร่ำครวญ

เราร้องหาคำตอบจากโลก ไยโลกจึงทรยศเรา

ไยจึงอนุญาตให้เราจินตนาการ ให้ฝันถึงอุดมคติ แต่ไม่อนุญาตให้เอื้อมไขว่คว้า

และหากเราต้องถูกขังในโลกมืดหม่นโดยไม่อาจทำสิ่งใดได้

จะไม่ดีกว่าหรือ หากจบชีวิต แล้วไปพำนักในห้วงปรลัยอันว่างเปล่า

ที่ที่จะไม่ต้องรู้สึก ไม่ต้องนึกคิด ไม่ต้องวาดหวัง ไม่ต้องใฝ่ฝัน

.

หรืออาจจะจริงว่าเราต้องก่อปราการกำบัง

ต้องเก็บซ่อนดวงใจไว้ในห้องลึกสุด ในหีบเหล็ก ลงกุญแจแล้วกลืนลงท้อง

 และจะนำกุญแจมาไขหัวใจออกจากกล่องได้ก็ต่อเมื่อคว้านไส้เท่านั้น

อาจเป็นเพราะเราพลาดเองที่พลั้งคิด

ว่าจะเผชิญโลกอันต่ำช้าได้ด้วยจิตใจที่อ่อนไหว เปราะบาง และช่างฝัน

ยาต้านเดียวคือการไม่รู้สึก การด้านชาต่อทุกความทุกข์ของผู้อื่น การไม่หลั่งน้ำตาให้ใครอื่น

บาดแผลใด ๆ เราจะรักษามันเอง ไม่จำเป็นให้ใครมาพยาบาล

ลืมเสียประกายแสงผ่านแมกไม้ จะได้ไม่เจ็บปวดยามต้นไม้ถูกโค่น

ลืมเสียทุ่งหญ้าและสลาตัน จะได้ไม่เจ็บปวดยามเหลือเพียงลานโล่งและควันพิษ

ลืมเสียบทกวีที่อาจรัก จะได้ไม่เจ็บปวดยามหนังสือถูกเผา

ลืมเสียทุกความงาม จะได้ไม่เจ็บปวดยามความงามนั้นต้องอำลา

.

แต่ก็จริงเช่นกันว่าเราจะสุขกว่าใครเขา

.

เพียงพินิจให้ดี เราจะเห็นปลวกกัดกินฐานไม้ของธรรมาสน์

และสิ่งซึ่งดูจีรังเช่นความทรามนั้นก็มิได้ยืนยงอย่างที่คิด

จริงหรือว่า มนุษย์เป็นเพียงเท่านี้

เรานิยามคำว่า ‘มนุษย์’ ได้ด้วยคำเพียงคำเดียวหรือ

จริงอยู่ว่า มีความโกรธ ความโลภ ความหลง ทั้งจากผู้อื่นและตัวเราเอง

เช่นกัน ยังมีการกระทำอันอ่อนโยน ความดีงาม ความพยายามจะมองลึกลงไปถึงดวงใจ

.

จริงอยู่ว่า วันหนึ่งต้นไม้อาจถูกตัด

และเช่นกัน ยังมีคนพร้อมจะปกป้องต้นไม้

จริงอยู่ว่า ยังมีความอยุติธรรมในสังคม

ยังมีผู้ทุกข์ทรมาน ถูกเมินเฉย

และเช่นกัน ยังมีผู้ร้องเรียกป่าวหาความเที่ยงธรรม

ยังมีผู้ลดลงไปคลุกกับความปวดร้าว ร่ำไห้ให้กับผู้ถูกทอดทิ้ง

รักเถิด แม้มันอาจชั่วคราวและอาจพาความปวดร้าวมา

เม็ดฝนไหลบนกระจกรถยนต์ ท้องฟ้าแสนฟ้าและก้อนเมฆท่วมสูงดังภูเขา แดดยามเช้าโรยตัวเหนือผ้าบนราวตาก เสียงแมวร้อง การได้บิดขี้เกียจ เสียงพลิกหน้าหนังสือ ความอุ่นใต้ผ้าห่ม ดนตรี ลายกระเบื้อง สถาปัตยกรรม เวลาอาจารย์ปล่อยก่อนหมดคาบ 20 นาทีให้นิสิตได้ไปกินข้าวกลางวัน นิยาย ดวงจันทร์ บันไดและลิฟต์ ผ้าพื้นเมืองที่กว่าจะได้มาสักผืนต้องใช้ฝีมือและความรู้อันสั่งสมยาวนาน ลำธาร ปฏิทิน เมล็ดพันธุ์ปริออกจากรอยแยก ยอดอ่อนเขียวมรกตงอกเงย และใบไม้ซึ่งสัมผัสสายลม ร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง

เราจะยอมละทิ้งสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ไปได้หรือ

เรารู้ เรารู้ว่ามันโหดร้าย

แต่เราจะสานต่อภารกิจของปราชญ์ กวี ศิลปิน นวัตกร นักเคลื่อนไหว นักอนุรักษ์

และผู้คนอีกมากมาย ผู้ซึ่งหัวใจเต้นแรงยามความงามแรกแย้ม

ผู้ซึ่งเฝ้าฝันไม่ต่างกันถึงอนาคตที่ดีกว่า

เราจะส่งต่อถ้อยคำแห่งความหวัง ภาพวาดแห่งจิตวิญญาณ วิทยาการแห่งน้ำใจมนุษย์

และด้วยสองมืออันเล็กน้อยและยิ่งใหญ่

เราจะประกอบสร้างรังสรรค์ความถูกต้อง ความจริง และความสวยงาม

เรามิใช่ ‘ประหนึ่ง’ ประติมากรผู้หลงรักผลงานของตน

เราทั้งหมดนี่แหละ ‘คือ’ ประติมากรผู้หลงรักผลงานของตน

.

ฟังคำภาวนาของนักแสวงบุญเถิด

พกมันติดตัวไป

“โปรดเถิด ซางตาลูซีอา

ผู้ปกป้องรักษาจักษุของพวกเราไว้ในดวงใจท่าน

โปรดรักษาประกายสว่างในดวงตาข้า

เพื่อข้าอาจได้ชมความงามแห่งสรรพสิ่งสร้าง

แสงอาทิตย์

สีสันแห่งป่า

และรอยยิ้มของเด็ก ๆ

โปรดมอบแก่ข้า ดวงตาอันอาจเห็นร่องรอยแห่งวิหคโผบิน ด้วยเทอญ”

.

ในเมื่อเกิดมาด้วยดวงใจอันอ่อนไหว เปราะบาง และช่างฝันแล้ว

ขอให้เรารู้สึกเถิด

โอบรับทุกสิ่ง

แตกสลายบ้าง

ผิดหวังบ้าง

ขอให้เรายิ้ม

แม้มันจะน่ากลัว

แต่ได้โปรดรู้สึกเถอะนะ

เนื้อหา: ญิบรีล

พิสูจน์อักษร: พิณมาดา วุฒิศรุต และ ณิชาภัทร สมบูรณ์วรรณะ

ภาพ: แทนฤทัย โอทอง

หมายเหตุ

ข้อความในอัญประกาศช่วงตอนท้ายของเนื้อหา แปลมาจากบทในภาพยนตร์เรื่อง The Metamorphosis of Birds