ถึงเจ้าชายน้อย บทเรียงร้อยแด่วัยเยาว์

ถึง เด็กน้อยคนหนึ่ง ผู้ซึ่งอยู่ไกลแสนไกล


ถ้าหากจะพูดถึงวรรณกรรมเยาวชนที่ได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้อ่านทั่วโลก หนึ่งในรายชื่อนั้นคงหนีไม่พ้น เจ้าชายน้อย (The Little Prince) อย่างแน่นอน เจ้าชายน้อย เป็นผลงานคลาสสิกของอ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี (Antoine de Saint-Exupéry) นักเขียนชาวฝรั่งเศส เจ้าชายน้อย เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่มีความเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งด้วยปรัชญาและสัญญะที่แฝงอยู่มากมาย ความมหัศจรรย์ของการอ่านเจ้าชายน้อยคือ การตีความและข้อคิดที่ได้ในแต่ละช่วงที่กลับมาอ่านก็จะแตกต่างกัน


“เจ้าชายน้อย” บอกเล่าถึงเรื่องราวของนักบินที่เครื่องบินตกกลางทะเลทราย ณ ที่แห่งนั่นเองที่ทำให้เขาได้พบกับเด็กชายปริศนาที่มาจากดาวเคราะห์ B612 เจ้าชายน้อยได้เล่าเรื่องราวการเดินทางไปดวงดาวต่างๆ ของเขาก่อนที่จะมายังดาวโลก ทั้งการเจอพวกผู้ใหญ่แปลกๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับดอกกุหลาบ การได้พบพานและเป็นเพื่อนกับสุนัขจิ้งจอก ก่อนที่เจ้าชายน้อยจะกลับดวงดาวของเขาในท้ายที่สุด การเดินทางของเจ้าชายน้อยถ่ายทอดเรื่องราวของจินตนาการ ความรัก ความสัมพันธ์ มิตรภาพ และความหมายของชีวิตได้อย่างงดงามและน่าจดจำ

 

“คุณช่วยวาดแกะให้ผมสักตัวได้ไหม” 

เป็นประโยคแรกของเจ้าชายน้อยที่เอ่ยถามนักบิน และเป็นครั้งแรกที่เราได้พบกับตัวละครเจ้าชายน้อย แต่ไม่ว่านักบินจะวาดแกะอย่างไรเจ้าชายน้อยก็ไม่ถูกใจ กระทั่งนักบินได้วาดกล่องสี่เหลี่ยมไปให้เจ้าชายน้อย เจ้าชายน้อยถึงจะพอใจกับแกะตัวที่อยู่ข้างในกล่อง


กล่องที่มีแกะ เปรียบเสมือนภาพแทนจินตนาการของเด็กๆ ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบของความเป็นจริง เช่นเดียวกับช้างในท้องงู หรือ หมวกที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างมุมมองของเด็กกับผู้ใหญ่ที่ไร้ซึ่งจินตนาการได้อย่างชัดเจน สิ่งเหล่านี้ล้วนย้ำเตือนให้เราไม่หลงลืมว่า จินตนาการสามารถทำให้โลกนี้แต่งแต้มด้วยความงดงามมากเพียงใด


“สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา แต่มองเห็นได้ด้วยใจ” 

เป็นความลับที่สุนัขจิ้งจอกบอกเจ้าชายน้อยก่อนที่ทั้งคู่จะต้องกล่าวคำอำลา ยังเป็นข้อความที่ตราตรึงในหัวใจและเป็นหนึ่งในบทเรียนล้ำค่าจากเรื่องเจ้าชายน้อยที่ทำให้ข้อความอื่นๆ ในเรื่องถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าจดจำและทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้น


ก่อนที่เจ้าชายน้อยกับสุนัขจิ้งจอกจะสร้างความผูกพัน สำหรับสุนัขจิ้งจอก เจ้าชายน้อยเป็นเพียงเด็กชายคนหนึ่ง เหมือนเด็กคนอื่นอีกเป็นร้อยเป็นพัน สุนัขจิ้งจอกก็ไม่ได้ต้องการเจ้าชายน้อย และสำหรับเจ้าชายน้อย สุนัขจิ้งจอกก็เป็นเพียงสุนัขจิ้งจอกทั่วไป แต่ถ้าทั้งสองได้สร้างความผูกพัน พวกเขาก็จะกลายเป็นหนึ่งเดียวในโลกของกันและกัน

“แต่ถ้าเธอฝึกให้ฉันเชื่องกับเธอ ชีวิตของฉันคงสดใสราวกับต้องแสงอาทิตย์ ฉันจะได้รู้จักเสียงฝีเท้าที่แตกต่างจากเสียงฝีเท้าอื่น เสียงฝีเท้าของคนอื่นทำให้ฉันต้องหลบลงโพรงใต้ดิน แต่เสียงฝีเท้าของเธอจะเรียกฉันให้ขึ้นมาเหมือนกับเสียงดนตรี ดูนั่นสิ! เธอเห็นตรงโน้นไหม ทุ่งข้าวสาลีโน่นน่ะ ฉันไม่กินขนมปังหรอกนะ ข้าวสาลีไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน ทุ่งข้าวสาลีก็ไม่ทำให้ฉันนึกถึงอะไร คิดดูสิว่ามันน่าเศร้าแค่ไหน! แต่ผมของเธอเป็นสีทองอร่ามมันคงวิเศษมากๆ ถ้าเธอฝึกให้ฉันเชื่องกับเธอ! ข้าวสาลีสีทองจะทำให้ฉันนึกถึงเธอ แล้วฉันก็จะรักเสียงสายลมที่พัดผ่านทุ่งข้าวสาลี

...และเมื่อช่วงเวลาแห่งการจากลาใกล้เข้ามา แต่เธอจะร้องไห้นี่นา! เจ้าชายน้อยต่อว่า ใช่ สุนัขจิ้งจอกตอบ งั้นเธอก็ไม่ได้อะไรเลยน่ะสิ! ได้สิ สีของข้าวสาลีไง สุนัขจิ้งจอกกล่าว"

จากบทสนทนานี้ทั้งคู่ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวในโลกของกันและกัน สีเหลืองนวลของข้าวสาลีได้กลายเป็นสีสันพิเศษ ที่สุนัขจิ้งจอกเห็นเมื่อใดก็จะนึกถึงเพื่อนคนนั้น 

นึกถึงช่วงเวลาที่เคยได้ใช้ร่วมกัน 

นึกถึงความอบอุ่นแห่งความทรงจำนั้นเสมอไป 🌾


ถึงแม้ความสัมพันธ์ต่างๆ จะแสนเปราะบาง อ่อนไหวและดำรงอยู่ชั่วคราวราวกับสายลมที่พัดผ่านทุ่งข้าวสาลี แต่หยาดน้ำตาที่ประดับประดาด้วยความทรงจำเหล่านั้นช่างมีความหมายต่อหัวใจเสมือนสีของรวงข้าวสดใสที่คงอยู่ในใจตราบนิรันดร์


แม้โมงยามแห่งการจากลาของความสัมพันธ์จะเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แต่ก็แสนคุ้มค่า เพราะการที่ได้การสร้างความผูกพันนั้นทำให้สิ่งซึ่งแสนธรรมดามีความหมายขึ้นมาอย่างน่าจดจำ เมื่อใดก็ตามที่นึกถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็จะประทับอยู่ในใจชั่วกาล และภาพทรงจำแห่งวันวานที่ได้พานพบ ผูกพัน และพลัดพรากจะยังคงทรงคุณค่าไว้ตราบนานเท่านาน

แม้ในสวนกุหลาบจะมีดอกกุหลาบเป็นร้อยเป็นพัน แต่ดอกกุหลาบของเจ้าชายนั้นมีเพียงแค่ดอกเดียวในโลก เพราะว่าดอกกุหลาบดอกนั้นเป็นดอกกุหลาบที่เจ้าชายน้อยคอยทะนุถนอม เฝ้าดูแลรดน้ำ เวลาที่เจ้าชายน้อยทุ่มเทให้กับดอกกุหลาบของเขา ทำให้ดอกกุหลาบดอกนั้นมีความสำคัญและเป็นหนึ่งเดียวในโลกของเขา "การที่เรารักใครสักคน มันไม่ใช่เพราะเขามีเพียงหนึ่งเดียวบนโลกนี้ แต่การที่เขาคนนั้นเป็นหนึ่งเดียวบนโลกนี้ได้เป็นเพราะเรารักเขาต่างหาก” ในช่วงท้ายเรื่องเมื่อนักบินและเจ้าชายน้อยต้องออกตามหาบ่อน้ำจะปรากฏบทพูดต่างๆ ที่จะทำให้ความลับแสนธรรมดาของสุนัขจิ้งจอกเป็นหนึ่งในข้อความที่น่าจดจำที่สุดในวรรณกรรมเรื่องนี้

“ที่ดวงดาวงามจับใจนั้นมาจากดอกไม้ที่เราห่างเกินไป ” 


“เรื่องดอกไม้ก็เหมือนกัน ถ้าคุณหลงรักดอกไม้ดอกหนึ่งที่อาจพบได้บนดาวดวงหนึ่ง คุณจะมีความสุขกับการได้แหงนมองฟ้าในเวลากลางคืน ดาวทุกดวงจะประดับประดาด้วยดอกไม้"


“สิ่งที่ทำให้ทะเลทรายงดงาม คือการที่มันซ่อนบ่อน้ำไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่ง” รวมถึงน้ำที่นักบินได้จากบ่อน้ำที่ร่วมเดินหากับเจ้าชายน้อย 


และก่อนที่เจ้าชายน้อยจะกลับดวงดาวของเขา เจ้าชายน้อยยังให้เสียงหัวเราะของเขาเป็นของขวัญแก่นักบินไว้ 


“เมื่อคุณแหงนมองท้องฟ้าในเวลากลางคืน เพราะผมกำลังหัวเราะอยู่บนดาวดวงหนึ่งในหลายๆดวงเหล่านั้น ดังนั้น สำหรับคุณจึงดูราวกับดาวทุกดวงกำลังหัวเราะและคุณก็จะมีดวงดาวที่หัวเราะได้”


จากทุกข้อความข้างต้น สิ่งที่ทำให้เรื่องราวเหล่านั้นงดงามและมีคุณค่าก็ล้วนเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา สำหรับเจ้าชายน้อยสิ่งที่ทำให้ดวงดาวสวยงามไม่ใช่ตัวดวงดาวเอง แต่เป็นเจ้าชายน้อยเองที่คอยคิดถึงดอกกุหลาบที่อยู่บนดาวดวงหนึ่งซึ่งสัมผัสได้ด้วยหัวใจ เพราะฉะนั้นดวงดาวทั้งหมดจึงงดงามด้วยดอกไม้ที่ผลิบานอยู่เหนือจักรวาลที่ยังมีสิ่งที่เรารัก เช่นเดียวกับนักบินที่เมื่อมองท้องฟ้าก็จะมีดวงดาราที่หัวเราะได้ เพราะเขารู้ว่าเจ้าชายน้อยหัวเราะอยู่บนนั้น อยู่บนดวงดาวสักดวงหนึ่ง สิ่งนี้เองยังสอดคล้องกับคำถามที่เจ้าชายน้อยได้ถามไปช่วงต้นเรื่องว่า “แล้วถ้าแกะกินดอกไม้เข้าไป สำหรับเขาแล้ว ราวกับดาวทุกดวงดับลงในพริบตา นี่ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกหรือ” เพราะหากเจ้าชายน้อยรู้ว่าเมื่อมองขึ้นไปบนฟ้าจะไม่มีดอกไม้ดอกนั้นของเขาแล้ว ดวงดาวทั่วทั้งจักรวาลก็จะไม่มีความหมายใด ๆ อีกเลย


หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่มองไม่เห็นด้วยตา ทั้งความรัก ความผูกพัน ความฝัน เวลาที่ได้ใช้ร่วมกันกับใครสักคน มิตรภาพ ความทรงจำ แต่สิ่งเหล่านี้กลับมีความหมายและคุณค่าอย่างยิ่งต่อชีวิตของเรา


สถานที่ที่เราได้พบกับเจ้าน้อยและต้องลาจากเป็นสถานที่เดียวกัน อาจหมายถึง ตัวเราในฐานะที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของวัยเยาว์ 

การจากไปของเจ้าชายน้อยในตอนท้ายเปรียบเสมือนการสิ้นสุดลงของวัยเยาว์ หัวใจที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ หรือคืนวันอันเต็มไปด้วยความสุข ความฝัน และจินตนาการ ที่จะบรรยายถึงการกลับดาวของเจ้าชายน้อยว่า

"แต่มันไกลมาก ... และก็ยากมากด้วย ..."

เจ้าชายน้อยยังรู้สึกกลัวที่จะกลับดาว และบอกกับนักบินว่า

"ผมจะมีท่าทางเหมือนทรมานมาก ... เหมือนกับว่าผมกำลังจะตาย ที่จริงมันเป็นอย่างนั้นเอง คุณไม่ต้องมาดูหรอกนะ มันจะเจ็บปวดเปล่าๆ" 


เมื่อวัยเยาว์ของเราต้องสิ้นสุดลงมันเป็นเรื่องยาก เจ็บปวด และน่าหวาดหวั่นเหลือเกินในการยอมรับมัน แต่ “ในที่สุดแล้ว… ทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเอง…”


การเดินทางของเจ้าชายน้อยเปรียบเสมือนบทปลอบประโลมหัวใจในวันที่เหนื่อยล้าเหลือเกินกับการเติบโต เป็นถ้อยคำปลอบโยนอันแผ่วเบาให้กับหัวใจที่หวาดหวั่นกับอนาคตข้างหน้า เป็นพื้นที่ให้เราได้คลายภาระหนักอึ้งที่การเติบโตทิ้งไว้ให้ระหว่างทาง การร่วมเดินทางไปกับเจ้าชายน้อยยังทำให้เราได้หวนระลึกถึงความเป็นเด็ก ได้จดจำว่าเราเคยมีความสุขได้ง่ายเพียงใด ได้สัมผัสถึงอ้อมกอดอบอุ่นและรอยยิ้มอ่อนโยนของสิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนเลือนรางจางหายลับต่อดวงตา แต่งดงามประจักษ์แจ้งต่อดวงใจ


เมื่อได้มองดวงดาวบนฟากฟ้า ดวงดาวเหล่านั้นช่างงดงามด้วยเสียงหัวเราะของเจ้าชายน้อยที่อยู่บนนั้นที่ไหนสักแห่ง เจ้าชายน้อยจะยังอยู่ที่นั่นเสมอ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเจ้าชายน้อยคงจะมีดวงดาวที่ส่องระยิบระยับประดับฟ้าไว้ให้มองเมื่อยามอ่อนล้าระหว่างทางของการเติบโต


แม้การสิ้นสุดลงของวัยเยาว์จะเจ็บปวดเจียนตายเพียงใด

แม้อ้อมกอดตระกองแห่งความเรืองรองของวันวานจะอันตรธานไปเพียงไหน

แม้จินตนาการ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุข ความฝันจะถูกพรากเอาไปมากมายเท่าใด

แม้การยอมรับว่าจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มและแววตาส่องประกายของเด็กน้อยคนนั้นอีกจะยากเย็นเพียงไหน


แต่ท้ายที่สุดแล้วเราทุกคนก็ต้องเติบโต ขอแค่โปรดจดจำไว้ว่าเราทุกคนล้วนเคยเป็นเด็กมาก่อน


หวังว่าเราทุกคนจะยังคงเห็นแกะที่อยู่ในกล่องใบนั้นดังเช่นเจ้าชายน้อย


คืนนี้หากลองแหงนหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำ จะเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นส่องสว่างอยู่ตรงนั้น อยู่ที่ไหนสักแห่ง ณ ที่ซึ่งไกลแสนไกลมาโดยตลอด


และในบางครั้งหากเราตั้งใจฟัง เราอาจได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งยังคงอยู่ข้างในนั้น อย่าลืมกลับมามองโลกด้วยหัวใจ ทำให้เราไม่หลงลืมเด็กน้อยคนนั้นที่ยังคงยิ้มและหัวเราะอยู่ลึกๆ ข้างในนั้น ในตัวเราทุกคน🌟


ขอให้ประกายความฝันแห่งวัยเยาว์เปล่งประกายในตัวเราราวกับเปลวตะเกียงในยามนิทราหรือเฉกเช่นดวงดาราบนฟ้ายามราตรี


ขอบคุณนะที่พยายามมาตลอด

ด้วยรักและคิดถึงสุดหัวใจ


#แล้วเจอกันที่นั่นที่ดาวB612


อ้างอิง

สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน. (2022, 11 กุมภาพันธ์). เจ้าชายน้อย : นิยายรักจากดาว B612 [Blog post]. The Potential. https://thepotential.org/playground/the-little-prince-love-story-from-b612/ 

GroundControlTH. (2022, January 24). Antoine de Saint-Exupéry นักบินผู้มองการผจญภัยด้วยสายตาของนักกวี [Blog post]. GroundControlTH. https://groundcontrolth.com/blogs/61 


เนื้อหา : Atomiix

พิสูจน์อักษร : ธมนวรรณ, ศศินุช

ศิลป์ : JIRANAN