รีวิวหนังสือ แด่เธอ บนดาวเคราะห์ช่างกังวล (Notes on a Nervous Planet)

หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เปลี่ยนโลก แต่ช่วยเปลี่ยนมุมมองของเรา เพื่อให้อยู่รอดบนโลกแบบนี้ได้

หนังสือ แด่เธอ บนดาวเคราะห์ช่างกังวล (Notes on a Nervous Planet) เกิดจากประสบการณ์จริงของตัวผู้เขียน แมตต์ เฮก ที่เผชิญภาวะ Panic Disorder และพยายามทำให้ตนเองดีขึ้น เขาพบว่าการใช้ยาไม่ได้ช่วยเขาได้มากเท่ากับการฝึกจัดการความคิดของตัวเอง

แต่ละบทของหนังสือพาเราไปสำรวจแง่มุมของชีวิตในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ข่าว การเสพสื่อ ความงาม เวลา จนถึงความสุข พร้อมแนวคิดที่ว่า เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง ทำทุกอย่าง หรือดีพร้อมในทุกด้าน สิ่งที่ทำได้คือรู้จักคัดกรองสิ่งกระตุ้น เลือกเสพเท่าที่เหมาะกับตัวเอง และยอมรับความไม่สมบูรณ์ หนังสือเล่มนี้มอบวิธีคิดที่จะช่วยให้เราอยู่กับโลกปัจจุบันได้ 

ในโลกยุคที่เต็มไปด้วยข้อมูล ข่าวสาร และความคาดหวังที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด หนังสือทำให้เราตระหนักถึงการเลือก “ฟิลเตอร์” ว่าอะไรจะเข้ามาในความคิดความรู้สึกของเรา ตัวอย่างเช่น เรื่องสำนักข่าว ที่แม้จะเป็นสำนักข่าวที่มีคุณภาพ แต่เพื่อเรียกเรตติ้งก็จำเป็นต้องนำเสนอข่าวในมุมที่รุนแรง ทำให้เราถูกกระหน่ำด้วยข่าวด้านลบอยู่เสมอ หรือในเรื่องของความงาม ที่ในยุคนี้มีทั้งศัลยกรรม ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เป็นตัวเลือกแบบไม่รู้จบ 

เช่นเดียวกับหนังสือหรือภาพยนตร์ที่มีให้เสพไม่สิ้นสุด สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่คนหนึ่งคนจะทำได้ทุกอย่าง แก้ไขได้ทุกอย่าง หรือตามทันทุกเรื่อง ซึ่งสอดคล้องกับตัวเราเองที่ถูกข้อมูลข่าวสารจู่โจมเข้ามาไม่หยุด ตัวเลือกมีมากเหลือเกิน จนทำให้เรารู้สึกเหนื่อย กังวล และเหมือนไม่ดีพอ หากทำอะไรไม่ครบ ทำไม่ทัน หรือไม่สามารถใส่ใจทุกประเด็นได้

ด้วยความที่ตัวผู้เขียนหนังสือเผชิญภาวะแพนิคและเป็นคนขี้กังวล เลยเข้าใจความรู้สึกกังวลกับทุกสิ่งได้ดี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาระดับโลกที่กำลังเกิดขึ้น หรือสิ่งที่อาจจะผิดพลาดได้ในชีวิตของตัวเอง ทำให้วิธีการรับมือและแนวคิดที่ผู้เขียนนำเสนอ น่าจะช่วยคนที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ได้

สิ่งที่หนังสือชี้ให้เราเห็นคือ วิธีการอยู่รอดบนโลกที่สับสนอลหม่าน เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ตัวเลือก และความคาดหวัง เราต้องเริ่มจากการมองหาต้นตอของสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกกังวลหรือรู้สึกแย่ แล้วจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการเลิก ลดทอน หรือจำกัดสิ่งนั้นๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด เช่น หากเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ทำให้เครียด ก็ปิดเสียงและวางโทรศัพท์ให้ห่างจากตัวเอง หากข่าวทำให้เหนื่อย ก็เลือกเสพและเสพให้น้อย 

ที่สำคัญที่สุดคือ การยอมรับว่าเราไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง รู้ได้ทุกเรื่อง หรือแก้ไขปัญหาได้ทุกปัญหา เราไม่สามารถเปลี่ยนโลกให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการ แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ คือ การ “ฟิลเตอร์” ว่าจะสนใจเรื่องอะไร มีมุมมองต่อชีวิตแบบไหน เลือกเสพสื่ออะไร และจะอยู่กับสิ่งต่างๆ ประเด็นต่างๆ อย่างไร เพื่อที่จะสามารถสร้างมุมมองต่อโลกในเวอร์ชันที่เข้ากับตัวเอง แล้วเราจะได้อยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุข 

อย่างที่ผู้เขียนเน้นย้ำว่า บนโลกนี้มีผู้คนเป็นพันล้านคน มุมมองต่อโลกจึงไม่ได้มีเพียงมุมมองเดียว แต่มีเป็นพันล้านมุมมอง สิ่งที่เราต้องทำก็เพียงสร้างมุมมองต่อโลกที่เหมาะกับเรา

หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้เราตระหนักว่า ต่อให้เราไม่ได้ตามติดข่าวสังคมทุกประเด็น มันก็ไม่ใช่เรื่องผิด นั่นอาจเป็น “เวอร์ชันของโลก” ที่เหมาะกับเรา การพลาดอะไรไปบ้างไม่ใช่ปัญหา เพราะถ้าเราฝืนเสพสิ่งที่บั่นทอนสภาพจิตใจ ทั้งที่เราก็อ่อนล้าอยู่แล้ว ก็จะยิ่งทำให้เราแย่ลง บางครั้งการปิดหน้าต่างบางบาน ตัดเรื่องบางเรื่องออกไป ก็เป็นสิ่งจำเป็นและไม่ผิดเลย เพราะนั่นคือการเลือกสิ่งที่เหมาะกับเราเอง 

ดังนั้น สาระสำคัญที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ คือ การอยู่กับโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและสิ่งกระตุ้นมากมาย เราต้องรู้จักเลือกและจัดการความคิดของตนเอง

เรารู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนควรอ่าน เพราะช่วยสร้างแนวคิดที่ทำให้เราอยู่รอดได้ในโลกยุคนี้ โดยไม่จมไปกับความเศร้าหรือความเครียด เชื่อว่าหนังสือสามารถช่วยตอบคำถามทางใจให้กับหลายๆ คนที่กำลังเผชิญความกังวลหรือความไม่แน่นอนได้  ไม่ว่าจะจากเรื่องส่วนตัว สังคม หรือปัญหาระดับโลก

สำหรับเราในยุคที่เต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้นรอบด้าน หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือนคู่มือที่สอนให้เรารู้จักจัดสรรคัดเลือกสิ่งที่เรานำมาใส่ใจ นำมาคิด จนทำให้กระทบกระเทือนจิตใจ ผ่านการมอบแนวความคิดที่จะช่วยให้เราปรับตัวและรับมือกับโลกได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งภาษาที่ผู้เขียนใช้เป็นภาษาแบบเรียบง่าย ทำให้อ่านได้อย่างสบายๆ เหมือนเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟัง ไม่ได้เป็นเชิงวิชาการ 

ถึงแม้ว่าเนื้อหาของหนังสืออาจยืดเยื้อเล็กน้อย เนื่องจากแต่ละบทใช้วิธีคิดคล้ายๆ กัน เพียงแค่ปรับให้เข้ากับประเด็นต่างๆ เราเลยคิดว่าหนังสือสามารถกระชับได้มากกว่านี้ แต่สิ่งที่หนังสือมอบให้ในด้านแนวคิดและวิธีการคิดเพื่อรับมือกับโลกยุคปัจจุบันก็ยังมีคุณค่ามากๆ อยู่ดี โดยเฉพาะกับคนที่อยากจัดการความกังวลและเรียนรู้ที่จะอยู่กับโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูล ความเปลี่ยนแปลง และความเป็นไปได้มากมาย 



อ้างอิง

Haig, M. (2019). Notes on a nervous planet. Penguin.

แมตต์ เฮก, แด่เธอ บนดาวเคราะห์ช่างกังวล (Notes on a Nervous Planet), แปลโดย ศิริกมล ตาน้อย (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ บุ๊คสเคป, 2565)


เนื้อหา : สิริยากร พุ่มประดับ

พิสูจน์อักษร : นภสร อมรพิทักษ์พันธ์ และ อุรชา ธีรธร

ภาพ : อาดิเกสวา วีระยุทธราชา